ศรีสะเกษ ดราม่างานลอยกระทง!! เสียงสะท้อนจากชาวบ้าน ค้านจัดคอนเสิร์ตกลางงาน ลอยกระทง ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ประชาชนชาวศรีสะเกษสะท้อนความรู้สึก ค้านจัดคอนเสิร์ตกลางงาน “ลอยกระทง” วอนให้จัดอย่างสำรวมและมีสติ ในช่วงที่คนไทยยังอยู่ในความโศกเศร้าอาลัยต่อการสวรรคตของ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์งาน ประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2568 ของอำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2568 ที่บริเวณสระน้ำหลังตลาดคลองถม พร้อมกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการประกวดกระทงสวยงาม การประกวดเทพีนพมาศ การแข่งขันฟุตบอล และการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง “บิ๊ก 5 สุรินทร์” ได้เกิดเสียงวิพากษ์อย่างกว้างขวาง ว่า “เวลานี้เหมาะสมหรือไม่”
สำหรับคำถามนี้ไม่ใช่เพียงประเด็นเล็ก ๆ ของอำเภอหนึ่งในจังหวัดชายแดน แต่สะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนไม่น้อยทั่วประเทศ ที่ยังอยู่ในห้วงของ ความโศกอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความรัก ความกตัญญู และความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
จากการสอบถามชาวบ้านให้ความเห็นตรงกันว่า ปีนี้งานลอยกระทงควรจัดขึ้นด้วยความเรียบง่าย สมถะ และแฝงไว้ด้วยความเคารพต่อช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัย มากกว่าการสร้างความสนุกสนานหรือเสียงเพลงดังกึกก้องตลอดคืน ซึ่งเข้าใจดีว่างานลอยกระทงเป็นประเพณีสำคัญของไทยที่ทำกันทุกปี แต่ปีนี้ควรลดความบันเทิงลงหน่อย คอนเสิร์ตเสียงดังไม่เหมาะเลยกับช่วงที่คนทั้งประเทศกำลังเศร้า ถ้าจะจัดจริง ๆ ก็ควรเน้นพิธีทางวัฒนธรรม การถวายความอาลัย และการลอยกระทงอย่างสงบมากกว่า” ซึ่งถามผู้จัดว่า “คิดรอบคอบแล้วหรือยัง” และ “ทำไมไม่เลื่อนหรือปรับรูปแบบงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของชาติ”
ขณะที่ความเห็นของประชาชนอีกส่วนหนึ่งมองว่า สำหรับแนวทางการจัดงานลอยกระทงไม่จำเป็นต้องยกเลิก แต่ควรจัดในลักษณะของ “ประเพณีเชิงวัฒนธรรม” มากกว่า “งานรื่นเริง” เช่น จัดนิทรรศการถวายความอาลัย ลอยกระทงแบบโบราณ การแสดงนาฏศิลป์ไทย หรือการแสดงแสงสีเสียงเชิงอนุรักษ์โดยไม่มีเครื่องดนตรีสมัยใหม่ สิ่งที่สังคมคาดหวังคือความเข้าใจต่อกาลเทศะ ไม่ใช่การห้ามความสุขโดยสิ้นเชิง แต่คือการแสดงออกถึงความรู้จักที่เหมาะสม ความอ่อนน้อมต่อสถานการณ์ และความเคารพต่อพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง” เพราะเป็นสิ่งที่ออกมาจากจิตสำนึกของคนไทยทั้งแผ่นดิน”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดกระแสวิพากษ์ในวงกว้าง ขณะนี้ประชาชนกำลังรอความชัดเจนจากทางอำเภอและคณะผู้จัดงานว่าจะมีการ ปรับรูปแบบกิจกรรมหรือตัดการแสดงคอนเสิร์ตออกหรือไม่ เพราะสังคมไทยมีเอกลักษณ์คือ “รู้จักกาลเทศะ” และ “มีหัวใจแห่งความกตัญญู” การที่ประชาชนลุกขึ้นมาตั้งคำถามต่อการจัดงานรื่นเริงในช่วงไว้อาลัย จึงไม่ใช่การต่อต้านวัฒนธรรม หากแต่เป็นการรักษาความงดงามของวัฒนธรรมให้คงอยู่ในจิตวิญญาณแห่งความเคารพ ลอยกระทง เป็นประเพณีที่แสดงออกถึงการขอขมาต่อพระแม่คงคาและการลอยทุกข์ลอยโศก แต่ในปีนี้ คนไทยควรเพิ่มอีกหนึ่งความหมาย “ลอยด้วยความอาลัย และลอยด้วยหัวใจที่น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ”
ดังนั้น การจัดงานอย่างเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องยกเลิกทุกกิจกรรม แต่การตัดคอนเสิร์ตออกจากเวที จะเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุดของความสำนึกและความเคารพในห้วงเวลาอันสำคัญของชาติ เพราะในที่สุดแล้ว “เสียงเพลง” อาจให้ความสุขเพียงชั่วครู่ แต่ “เสียงแห่งความเคารพ” จะก้องอยู่ในใจคนไทยไปอีกยาวนาน

