วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 — ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.อุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ภายใต้การอำนวยการของ พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับการ สภ.อุทุมพรพิสัย ได้ระดมกำลังลงพื้นที่แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุด หลังได้รับแจ้งเหตุคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่
จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดและสอบถามพยานแวดล้อม พบเบาะแสคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา ก่อนใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์อีกคันของผู้เสียหายแล้วหลบหนีไป โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะคุณยายกับหลานไปเกี่ยวหญ้าให้โคกระบือ แล้วจอดรถไว้ริมถนนในพื้นที่อำเภออุทุมพรพิสัย
หลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.นิลกาฬ ได้เรียกประชุมสั่งการให้ชุดสืบสวนไล่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดทุกเส้นทาง จนพบภาพคนร้ายขับรถลักษณะต้องสงสัยมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองศรีสะเกษ จากนั้นได้ประสานขอข้อมูลกับร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ โดยร้านแห่งหนึ่งให้ความร่วมมืออย่างดี พร้อมระบุชัดว่า “ที่นี่ไม่รับซื้อของโจร” ก่อนตำรวจจะตามรอยจนไปถึงตัวผู้ต้องสงสัย และสามารถเชิญตัวมาสอบสวนได้ที่ สภ.อุทุมพรพิสัย
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันขโมยรถจักรยานยนต์จริง ตำรวจจึงตรวจยึดของกลางได้รวม 3 คัน โดยคันแรกเป็นรถที่ถูกขโมยในวันเกิดเหตุ ส่วนอีก 2 คันติดตามยึดได้จากร้านรับซื้อของเก่าและจากบ้านพักของผู้ต้องหา
พ.ต.อ.นิลกาฬ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมของแก๊งนี้คือ จะขี่รถตระเวนหารถจักรยานยนต์ที่เจ้าของจอดไว้ข้างทางโดยไม่ล็อกกุญแจ จากนั้นจะให้คนหนึ่งนั่งคร่อม ส่วนอีกคนใช้เท้าถีบยันรถอีกคันหนึ่งขับพาไป ก่อนนำไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่าในราคาถูกเพียงคันละ 1,000–2,500 บาท ทั้งที่ราคารถจริงกว่า 20,000 บาทขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ประสานร้านรับซื้อของเก่าหลายแห่งเพื่อแจ้งเตือนให้เข้มงวดในการตรวจสอบแหล่งที่มาของรถจักรยานยนต์ที่นำมาขาย พร้อมฝากเตือนประชาชนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ให้เพิ่มความระมัดระวัง


