คลังเก็บหมวดหมู่: เศรษฐกิจ

มหกรรมแสดงสินค้าเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ยกทัพสุดยอดสินค้า

ศรีสะเกษ จัดใหญ่ มหกรรมแสดงสินค้า เชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน SISAKET CONNECT TRADE FAIR 2023 ยกทัพสุดยอดสินค้า กว่า 100 ร้านค้า มาจำหน่าย สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่สากล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 10 มี.ค. 2566 นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดงานกิจกรรมส่งเสริมการค้าการลงทุนเชื่อมโยงตลาดประเทศเพื่อนบ้าน กิจกรรมย่อย จัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า เชื่อมโยงประเทศเพอื่นบ้าน “Sisaket Connect Trade Fair 2023” มี น.ส.ชนมณัฐ รอดบุญธรรม รอง ผวจ. ร่วมให้การต้อนรับ นายแปน โกะซอล ผวจ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา และคณะที่ได้นำผู้ประกอบการชาวกัมพูชามาร่วมออกงาน

สำหรับกิจกรรมภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ Biz Club/OTOP/SMEs /วิสาหกิจชุมชน ผู้ผลิต ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและสินค้าแปรรูป ผู้ประกอบการรายย่อยของกลุ่มจังหวัดศรีสะเกษ และสินค้าจากประเทศกัมพูชา กว่า 100 ร้านค้า กิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและดนตรีโฟล์คซอง พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมช็อปลุ้นโชค ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและรางวัลใหญ่ทองคำ วันสุดท้ายของงาน

นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าในครั้งนี้ เกิดจากจังหวัดศรีสะเกษได้ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมการผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ของจังหวัดฯ ให้มีคุณภาพและมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถทางการค้า การสร้างโอกาสให้เกษตรกร และผู้ประกอบการมีความเข้มแข็ง อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าที่มีศักยภาพของจังหวัดศรีสะเกษ เสริมสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมอุดหนุนสินค้า และเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการที่มาร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า ได้ตั้งแต่วันที่ 8 – 12 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น – 20.00 น. ณ ลานคอนกรีตหน้าสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์จังหวัดศรีสะเกษ” นายนพ กล่าว.

ศรีสะเกษเร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด นาข้าวจมน้ำกว่า 3 แสนไร่

เกษตรจังหวัดศรีสะเกษลงพื้นที่สำรวจนาข้าวพื้นที่อำเภอเมืองศรีสะเกษที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมพร้อมทำความเข้าใจแก่ผู้ใหญ่บ้านและเกษตรตำบลเพื่อให้การเสนอรับการเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็ว  

วันนี้(19 ต.ค.65) นายวิชัย ศรีโพธิ์งาม เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมในเขตตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ พร้อมประสานความเข้าใจแก่กำนันผู้ใหญ่บ้านและเกษตรตำบลได้เร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหาย พร้อมกรอกข้อมูลต่างๆให้ถูกต้องก่อนรวบรวมส่งไปยังอำเภอและจังหวัด ได้พิจารณาอนุมัติเงินเยียวยาภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็วภายใน 90 วัน 

โดยเกษตรจังหวัดศรีสะเกษพร้อมคณะได้สำรวจความเสียหายของนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมร่วม 2 อาทิตย์บริเวณหมู่ที่ 2 บ้านตำแย ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ พบว่า ส่วนใหญ่ต้นข้าวได้รับความเสีย 100 เปอร์เซนต์ และ ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการเยียวยาไร่ละ 1,340.- บาท ไม่เกินครอบครัวล่ะ 30 ไร่ ซึ่งขั้นตอนต่างๆได้กำชับเกษตรตำบลร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกันเพื่อความรวดเร็วและถูกต้อง

สำหรับความเสียหายของนาข้าวทั้ง 22 อำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ เกษตรจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ผลสำรวจในเบื้องต้น ประมาณ 310,000.-ไร่ จากพื้นที่การทำนาทั้งหมด 3,300,000.- ไร่เศษ หรือความเสียคิดเป็นร้อยละ 10 ซึ่งจะต้องมีการคัดกรองให้ชัดเจนอีกครั้ง คาดว่า นาข้าวจะได้รับความเสียหายจริง ราวๆ 230,000.-ไร่ หรือ ร้อยละ 70 ของผลสำรวจทั้งหมด หากเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

ผลสำรวจความเสียหายประมาณ 170,000.-ไร่ แต่เมื่อคัดกรองจะคงเหลือที่ 130,000.-ไร่ ปีนี้ได้กำชับให้เร่งดำเนินการเรื่องเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อให้สามารถพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกรได้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หรือ ในกรอบ 90 วัน../

“ตาเพ็งคันเบ็ด” ยึดวิถีอีสาน เหลาคันเบ็ดขาย ส่งลูกเรียนจบ 3 คน

สองผัวเมียสืบสานวิถีคนอิสานด้วยการเหลาคันเบ็ดส่งลูกเรียนจนจบ 3 คน คันเบ็ดที่ทำในแต่วันยอดขายพุ่งกระฉูดจนทำให้แทบไม่ทัน ส่วนรายได้เฉลี่ยแล้ว 500 บาทต่อวันสบายๆ  

                                                   

นายเพ็ง โลภากรณ์  หรือฉายาตาเพ็งคันเบ็ด กับนางสำเนียง โลภากรณ์  สองผัวเมียชาวบ้านหนองไผ่ หมู่ที่ 10 ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ ได้สืบทอดการทำเบ็ดจากไม่ไผ่เป็นอาชีพกว่า 20 ปี หาเงินส่งลูกเรียนจบ 3 คน  คนโตจบ ปวส. ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักกลการเกษตร ตอนนี้เปิดอู่ซ่อมรถเองแล้ว คนที่สองจบ ม.6 และคนที่ 3 จบ ม. 3 ไม่เรียนต่อ ตอนนี้ทำงานที่ อบจ.ศรีสะเกษ ทั้ง 2 คน    

                                                              

ลุงเพ็งหรือตาเพ็ง คนทำเบ็ด บอกว่า แกสองผัวเมีย ช่วยกันเลาไม่ไผ่ทำคันเบ็ดในแต่ละวันได้ราวๆ  400 – 500 คัน  ประกอบเสร็จก็ขายคันละ 2-3 บาท  ทำให้รายได้เฉลี่ยถึงวันละ 800 บาท หากขยันทำต้องแต่เช้ามืดจนถึงเย็น 1500.- บาทก็เคยทำได้  แรกๆ ทำเสร็จก็ขับรถซาเล้ง พร้อมอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน ออกเร่ขายเองในเขตอำเภอเมืองศรีสะเกษและอำเภออุทุมพรพิสัย  จนเป็นที่รู้จักของคนหาปลา เพราะเบ็ดสมัยนี้หน้าแล้งก็ใส่ในคลองอิสานเขียวได้ หรือในห้วยหนองก็ได้  ออกเร่ขายจนต้องเปลี่ยนรถซาเล้งไปถึง  4 คัน  ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้สามล้อเครื่องแทน เพื่อความสะดวกสบาย เพราะเราเป็น สว. อายุมากแล้ว                                                  

 

สนใจหรือติดต่อสอบถาม โทร.  094-9572920 เบอร์ตาเพ็งโดยตรง ไม่ใช่เบอร์เมีย น่ะ  ยอมรับว่าทำเบ็ดขายมากว่า 20 ปี ชีวิตครอบครัวดีขึ้นมาก ๆ แถมขายได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว  อย่าบอกใครน่ะ  เดี๋ยวจะมีคนมาขอเรียนวิชาด้วย ..

“บิ๊กตู่” ชวนไปเที่ยวงานทุเรียนภูเขาไฟ

(7 มิ.ย.65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ นำคณะซึ่งประกอบด้วยผู้แทนส่วนราชการและผู้แทนเกษตรกรเข้าพบเพื่อมอบทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ กาแฟโรบัสตาศรีสะเกษ และเนื้อโคขุน เพื่อประชาสัมพันธ์ผลผลิตทางการเกษตรที่ได้คุณภาพ เป็นสินค้าขึ้นชื่อของจังหวัดศรีสะเกษ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมผลผลิตของเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีการพัฒนาที่เข้มแข็ง และได้ร่วมชิมทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ กาแฟโรบัสตาศรีสะเกษ และผลภัณฑ์จากเนื้อโคขุนด้วย

 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันจังหวัดศรีสะเกษ มีพื้นที่ปลูกทุเรียนทั้งหมด 15,111 ไร่ เกษตรกรจำนวน 2,350 ราย มีพื้นที่ให้ผลผลิตแล้ว 5,721 ไร่ ปริมาณผลผลิตปี 2565 จำนวน 7,522 ตัน โดยส่วนใหญ่เป็นทุเรียนภูเขาไฟมีการปลูกในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.กันทรลักษ์ อ.ขุนหาญ และอ.ศรีรัตนะ ซึ่งอัตลักษณ์ของทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษนั้น เนื้อทุเรียนกรอบนอก นุ่มใน หอมละมุนลิ้น กลิ่นไม่ฉุน เส้นใยละเอียด รสชาติมันค่อนข้างหวาน การปลูกที่ได้มาตรฐาน GAP และได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ “ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ” ทำให้ปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

ส่วน“กาแฟโรบัสต้าศรีสะเกษ” มีลักษณะโดดเด่น คือรสขมน้อย ความหวานมาก มีบอดี้กำลังดี คาเฟอีนสูง และมีกลิ่นรสผลไม้เด่นชัด เป็นได้ผลผลิตจากการส่งเสริมเกษตรกรผ่านศูนย์เรียนรู้การผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การผลิตได้มาตรฐาน GAP และ GMP ซึ่งปัจจุบันทั่วจังหวัดศรีสะเกษมีพื้นที่เพาะปลูก 360 ไร่ เกษตรกรจำนวน 400 ราย

 

สำหรับ “เนื้อโคขุน” ได้ผ่านการเลี้ยงด้วยระบบฟาร์มป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม หรือระบบ GFM โดยศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคเนื้อ 564,259 ตัว มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเกษตรกร100,646 ครัวเรือน ทำให้ทางจังหวัดมีการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมโคเนื้ออย่างครบวงจร มีระบบการผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้ได้โคเนื้อแดงที่มีเนื้อนุ่ม เนื้อโคขุนมีไขมันแทรกกำลังดี

 

ทั้งนี้ จังหวัดศรีสะเกษ คาดว่า ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. ภายในจังหวัดจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตรประมาณ 80 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเกษตร 30 ล้านบาทและภาคการท่องเที่ยวและบริการ 50 ล้านบาท

 

จังหวัดศรีสะเกษมีกำหนดจะจัดงาน “เทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษและของดีศรีสะเกษ ปี 2565” ระหว่าง วันที่ 9-15 มิ.ย. 2565 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมในเทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษและของดีศรีสะเกษ หากไม่สะดวกเดินทางไปที่งาน ก็สามารถสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ซึ่งนอกจากการจำหน่ายทุเรียนภูเขาไฟซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อแล้ว ในงานนี้จะมีการจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปที่ได้จากโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อาทิ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แปรรูป และการตลาดสินค้าด้านการเกษตร หอมแดง กาแฟโรบัสต้า โคขุนและสินค้าอื่นๆอีกมากมาย

ไทย-กัมพูชา เปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ กระตุ้นการค้า-ท่องเที่ยว

วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำคณะทำงานด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข  ด้านคมนาขนส่ง  ด้านเศรษฐกิจการค้าและท่องเที่ยว  ร่วมหารือแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ในการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ  ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ กับนายแปน โก๊ะซอล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย  ราชอาณาจักรกัมพูชา 

 

โดยทั้ง 2 ฝ่าย คงยึดกฎเกณฑ์ MOU เดิมในการเปิดด่าน กำหนดเวลา 07.00 -20.00 น. พร้อมกำหนดเงื่อนไขชาวกัมพูชาที่จะเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย คงใช้ passportและ border pass ภายใต้หลักปฏิบัติต้องฉีดวัคซีนครบโดสเป็นหลัก  โดยผู้ที่ถือ passport ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส พร้อมผลตรวจ ATK รับรอง และ ต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ล่วงหน้าระยะเวลา  48 – 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร  เพื่อให้ส่วนกลางได้พิจารณาอนุญาต อีกทั้งต้องทำประกันในวงเงิน 10,000.- ดอลลาร์ โดยคิดเป็นเงินไทยในการทำประกันดังกล่าว เป็นเงิน 500 บาท ในขณะที่ border pass  ต้องฉีดวัคซีนครบโดส แต่ไม่ต้องแจ้งเป็นเอกสาร  เพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าออกในพื้นที่ตาม  MOU          

 

ภายหลังการหารือร่วมกันประมาณ  1 ชั่วโมงกว่าๆ  ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงตามเงื่อนไข  โดยยึดหลัก ศบค. ของไทยเป็นหลัก จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย  ได้พร้อมใจนำคณะทำงานร่วมเปิดประตูจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำอย่างเป็นทางการในเวลา 11.29 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 

 

จากนั้นผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัด 2 ประเทศ ได้เข้ามาจับมือกันอย่างหนักแน่น เพื่อยืนยันว่าจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว และ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนยันที่จะปฎิบัติตามข้อตกลงระหว่าง  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในภายหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนข้อตกลงหรือเงื่อนไขต่างๆได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยยึดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ  การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนด้านสาธารณสุขร่วมกัน

ศรีสะเกษเตรียมจัดมหกรรมรวมพล “คนรักกัญ”

เขตตรวจสุขภาพที่10ยืนยันจังหวัดศรีสะเกษพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์

วันนี้ (23 มี..65)  ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่10 ได้ร่วมแถลงข่าวความพร้อมในการจัดมหกรรมประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 10 “ เขตสุขภาพที่10 หายเจ็บ หายจน รวมพล คนรักกัญโดยจะมีตัวแทนจากจังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานียโสธร อำนาจเจริญ และมุกดาหาร เข้าร่วมประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ ในวันที่ 8 – 10  เมษายน  2565  ลานอาคารสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ   

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวยืนยันว่า  อาคารสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ  มีความพร้อมรองรับการจัดนิทรรศการได้กว่า 50 นิทรรศการ อีกทั้งลานจอดรถกว้างขวาง จอดรถได้กว่า 250 คัน รองรับผู้คนได้กว่า 1,500.- คน โอกาสสำคัญนี้ จังหวัดศรีสะเกษจะได้นำ วิสาหกิจชุมชนทำชากัญชงที่กำลังพัฒนาให้ได้มาตรฐาน GMP มาจัดแสดงควบคู่คุกกี้กัญชา สบู่กัญชง แชมพูกัญชง เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาชุมชน ซึ่งภายหลังปลอดล๊อคจากยาเสพติด ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตสามารถนำกัญชา กัญชงที่มีคุณภาพมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ และ เป็นพืชเศรษฐกิจด้วย    

ด้านนายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 10 กล่าวว่ากัญชาได้นำใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งเขตตรวจสุขภาพที่ 10 มีวิสาหกิจชุมชนได้รับอนุญาตปลูกกัญชาแล้ว 11 แห่ง อยู่ระหว่างขออนุญาต 19 แห่ง เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจจากกัญชา ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ชุมชน  ซึ่งมหกรรมประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 10 “ เขตสุขภาพที่10 หายเจ็บ หายจน รวมพล คนรักกัญนายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข  จะเป็นประธานเปิดงาน พร้อมชี้แจงข้อมูลนโยบายเรื่องกัญชา ทั้งด้านกฎหมาย การปลูก การแปรรูป การวิจัย และ การส่งเสริมกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อใช้ทางการแพทย์ โดยภายในงานจะชัดเจนทั้งกระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อประโยชน์สูงสุดร่วมกัน

“ศรีสะเกษเกมส์” กระตุ้นเศรษฐกิจมีเงินสะพัดกว่า 450 ล้านบาท

กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 ศรีสะเกษเกมส์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีเงินสะพัดกว่า 450 ล้านบาท   

วันนี้ (22 มี.ค.65) นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา และ นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมแถลงความคืบหน้าการจัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 ศรีสะเกษเกมส์ ตั้งแต่วันที่ 5 -25 มีนาคมนี้ ภายใต้ต้นแบบกีฬาสีขาวและการแข่งขันกีฬาท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด19 ซึ่งทุกฝ่ายได้ประชุมแก้ไขปัญหาร่วมกันทุกวันในเวลา 10.00 น. จนใกล้จบการแข่งขันแล้ว  

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ภายใต้ต้นแบบกีฬาสีขาวลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการแข่งขันกีฬาท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและปฏิบัติการตามขั้นตอน โดยเฉพาะการตรวจ ATK ของคณะนักกีฬาร่วม 40,000.-คน พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพียง 0.9 เปอร์เซนต์พร้อมกักตัวและรักษาจนหาย      

ขณะที่รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา กล่าวว่า กีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47 ศรีสะเกษเกมส์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจมีการจับจ่ายใช้สอย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร ตลอดจนสินค้าชุมชนต่างๆ โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าได้ออกสำรวจพบว่า มีเงินสะพัดกว่า 450 ล้านบาทแล้ว ซึ่งกว่าจะจบการแข่งขันในอีก 2 – 3 วัน และ ต่อด้วยกีฬาคนพิการ คาดว่าเกิน 600 ล้านบาท แน่นอน   

ด้านนายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จังหวัดศรีสะเกษตั้งเป้าคว้าเหรียญทองกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 47ศรีสะเกษเกมส์ไว้ที่ 50 เหรียญทอง ตอนนี้คว้ามาได้แล้ว 40 เหรียญทอง ยังมีการแข่งขันอีกหลายวันและชนิดกีฬาที่เหลือก็มีความหวังสูง คาดว่า น่าจะคว้าได้ถึง 50 เหรียญทองตามเป้าหมาย

เกษตรกรโอด หอมแดงราคาตก เหลือ กก.ละ 5 บาท

เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ ราคาหอมแดงที่ตกต่ำ ขณะนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น ทำให้ต้องประสบภาวะขาดทุน

ที่ทุ่งนา บ้านส้มป่อย หมู่ 15 ตำบลส้มป่อย อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เกษตรกรกำลังช่วยกันเก็บผลผลิตหอมแดงที่ปลูกไว้ แต่ขณะนี้ราคาหอมแดงกลับตกต่ำ และยังหาพ่อค้าเข้ามารับซื้อได้ยากอีกด้วย เนื่องจากพ่อค้าที่รับซื้อหอมแดงไปเก็บไว้แล้วขายไม่ออก และไม่มีที่เก็บ จึงไม่มารับซื้อจากชาวสวน

นางวรัญญา โพธิวัฒน์ เกษตรกรผู้ปลูกหอมแดง กล่าวว่า ตนได้ปลูกหอมแดงไว้ทั้งหมด 7 ไร่ ต้นทุนในการปลูกทั้งค่าพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าแรงงานประมาณ 1 แสนกว่าบาท ทุกปีจะได้ผลผลิตไร่ละประมาณ 5 ตัน หรือ 5,000 กิโลกรัม ปีที่ผ่านมา ขายได้ราคากิโลกรัมละ 10 บาท ได้เงินประมาณ 350,000 บาท ก็พอมีกำไรเหลือบ้าง

แต่ในปีนี้ต้นหอมไม่งาม หัวเล็ก เนื่องจากสภาพอากาศไม่ดี อากาศไม่เย็น น้ำหนักจะได้น้อย แล้วยังมาราคาตกอีก ช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้วจนถึงต้นเดือนมกราคมปีนี้ ราคาหอมแดงอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 กว่าบาท ขณะที่ราคาหอมแดงลดลงเรื่อย ๆ จนขณะนี้ราคาตกลงมา เหลือกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้ตนเองต้องประสบภาวะขาดทุน จึงอยากจะขอให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรด้วย

วอนรัฐบาล “วอร์มอัพ”เปิดผับ-บาร์

หอการค้าศรีสะเกษ เสนอรัฐบาลวอร์มอัพเปิดผับบาร์เป็นบางวันก่อนเปิดจริงทั่วประเทศ

 

นายสฤษฏ์ นาควารินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำ 1 พฤศจิกายนนี้ ในฐานะภาคีเครือข่ายภาคเอกชนตนเห็นด้วย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวและการส่งออกได้รับกระทบอย่างมาก การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถือว่ามีความจำเป็น แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานกระทรวงสาธารสุขอย่างเข้มข้นด้วย

ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่อยากสะท้อนถึงการเปิดสถานบริการที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ผับ บาร์ น่าจะทดลองเปิดเพื่อทดสอบก่อนวันที่ 1 ธันวาคม โดยลองเปิดเป็นบางวันเพื่อให้มีการปรับตัวรับกับสถานการณ์จริง ทั้งเจ้าของกิจการและนักท่องเที่ยว ว่ามีความพร้อมมากน้อยขนาดไหน

 

ก่อนเปิดจริงพร้อมกันทั้งประเทศ เพราะกระทรวงสาธารณสุขตระหนักว่า ผับบาร์เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด 19 ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะขาดสติและมีการใกล้ชิดกันมากขึ้น จึงเห็นควรให้เปิดก่อนเพื่อทดสอบประเมินผลสู่การวางแผนบริหารจัดการจริงได้อย่างเหมาะสม