คลังเก็บหมวดหมู่: อุบัติเหตุ

นอภ.เศร้า ลูกโรคหัวใจกำเริบขณะเล่นสงกรานต์ กู้ภัยเจอรถติด ส่งรพ.ไม่ได้ ขอเคส ‘น้องอุ๋มอิ๋ม’ เป็นบทเรียน

เผาอุ๋มอิ๋มลูกสาว นอ.พยุห์วันนี้เสียชีวิตขณะเล่นสงกรานต์แต่รถติดนำส่ง รพ.ไม่ได้ พ่อเผยต้องการให้กรณีลูกสาวของตนเป็นบทเรียนในการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ต้องมีช่องทางพิเศษให้รถฉุกเฉินวิ่งรับส่งผู้ป่วยได้

เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไป ที่บริเวณริมถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร หน้าศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ นางประภัสรา หรือน้องอุ๋มอิ๋ม รัตวาลย์ อายุ 31 ปี ลูกสาว ของ นายปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ จ.ศรีสะเกษ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2567 เวลาประมาณ 19.15 น. ขณะเล่นน้ำสงกรานต์ เนื่องจากป่วยเป็นโรคหัวใจได้เกิดภาวะช็อกหัวใจเต้นผิดจังหวะและล้มลงขณะกำลังเล่นสาดน้ำสงกรานต์กับเพื่อน ๆ อย่างสนุกสนาน ญาติได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยทราบ แต่ว่าถนนโดยรอบบริเวณศาลหลักเมืองมีรถเต็มท้องถนนเนื่องจากมีประชาชนมาเล่นสาดน้ำสงกรานต์กันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเดินเท้าเข้ามายังพื้นที่เกิดเหตุด้วยความยากลำบาก และช่วยปั้มหัวใจ พอเวลาประมาณ 20.00 น. น้องอุ๋มอิ๊มได้เสียชีวิตแม้ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว โดยสภาพการจราจรในวันนี้รถราทุกชนิดสามารถสัญจรไปมาผ่านบริเวณที่เกิดเหตุได้อย่างสะดวก

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดป่าเบญจลักษ์ (ธ.) ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของนางประภัสรา รัตวาลย์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ปรากฏว่าได้มีพระสงฆ์และญาติพี่น้องพากันมาร่วมไว้อาลัยและช่วยงานศพกันอย่างต่อเนื่อง โดยญาติได้พากันเข้าไปเคารพศพและต่างพากันเศร้าโศกเสียใจที่น้องอุ๋มอิ๋มเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยมี นายปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมภรรยาและญาติพี่น้องคอยต้อนรับแขกท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าโศก

นายปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ เล่าว่า วันเกิดเหตุน้องอุ๋มอิ๋ม ได้ไปเล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อน ๆ ซึ่งก็เล่นน้ำตามปกติท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดมาก ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. น้องอุ๋มอิ๋ม ซึ่งโดนสาดน้ำมาเป็นเวลานานประกอบกับสภาพอากาศร้อน ทำให้เกิดอาการช็อกล้มวูบหมดสติ เพื่อน ๆ ได้ช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างเต็มที่พร้อมทั้งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาช่วยเหลือ แต่เนื่องจากรถติดและมีประชาชนจำนวนมากทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่สามารถเข้ามาได้สะดวก พอเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงได้ทำการปั้มหัวใจ แต่ว่าน้องอุ๋มอิ๋มได้เสียชีวิตก่อนที่จะนำตัวส่งไปยัง รพ.กันทรลักษ์

นายปวิช รัตวาลย์ นายอำเภอพยุห์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงที่น้องอุ๋มอิ๋มอายุประมาณ 6 ขวบ ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจและแพทย์ได้ทำการผ่าตัดรักษาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ขณะนี้น้องอุ๋มอิ๋ม ทำงานเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการอยู่ที่ อบต.จานใหญ่ อ.กันทรลักษ์ น้องอุ๋มอิ๋มได้แต่งงานกับสามีเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมายังไม่มีบุตรด้วยกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตนและครอบครัวเสียใจมาก ตนอยากให้กรณีลูกสาวของตนเป็นบทเรียนในการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ทั่วประเทศว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ควรที่จะมีการจัดช่องทางพิเศษ เพื่อให้รถฉุกเฉินรับส่งผู้ป่วย รถเจ้าหน้าที่ตำรวจ รถกู้ภัย สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวรถสามารถวิ่งได้สะดวกสามารถผ่านได้ในช่วงเวลาคับขัน เพื่อให้สามารถรับส่งผู้ป่วยไปยัง รพ.ได้อย่างรวดเร็ว

นายอำเภอพยุห์ กล่าวด้วยว่า ตนจะประกอบพิธีฌาปนกิจน้องอุ๋มอิ๋มลูกสาวของตนในวันนี้ (18 เม.ย.2567) เวลา 15.00 น.ที่วัดป่าเบญจลักษ์ (ธ.) โดยได้เรียนเชิญ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี

ศรีสะเกษ ปิดศูนย์ลดอุบัติเหตุสงกรานต์ศรีสะเกษ ยอดดับ 3 เจ็บ 5 ราย

วันนี้ (18 เม.ย. 67) ที่ห้องประชุมสระกำแพงใหญ่ ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงค์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการดำเนินงาน และปิดศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายนที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุ 6 ครั้ง บาดเจ็บ จำนวน 5 ราย เสียชีวิต จำนวน 3 ราย ปัจจัยร่วมสำคัญการเกิดอุบัติเหตุมาจาก คน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม

นายอนุพงค์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และตัดหน้ากระชั้นชิด รวมถึงจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด

ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้ประสานอำเภอบูรณาการขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยนำกลไกลด่านชุมชนปากหวาน ใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในองค์กรภาครัฐ เพื่อข้าราชการ เจ้าหน้าที่พนักงาน และบุคลากรในหน่วยงานของรัฐรักษาวินัยและปฏิบัติตนตามกฎหมายจราจร อย่างเคร่งครัด และผู้ที่มาติดต่อราชการโดยให้รณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์

ปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนนและวินัยจราจรให้ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบ ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เกิดขึ้นกับเด็กเยาวชน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ประถม มัธยมศึกษา อาชีวศึกษาและระดับอุดมศึกษา

ศรีสะเกษ พายุถล่ม 3 ตำบลอำเภอภูสิงห์บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 100 หลัง

ศรีสะเกษ พายุถล่ม 3 ตำบลอำเภอภูสิงห์บ้านเรือนพังเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน นายอำเภอเร่งสำรวจความเสียหายช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 67 จ่าเอกสมควร สิงห์คำ นอ.ภูสิงห์ เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยปลัดอำเภอและสมาชิก อส.อ.ภูสิงห์19,จนท.ทหาร ฉก.3 กกล.สุรนารี,กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน  ได้ร่วมกันออกตรวจเยี่ยมสำรวจความเสียหายและอำนวยการให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลห้วยตามอญ ตำบลห้วยตึ๊กชู และ ตำบลละลม อำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุลมพายุฤดูร้อนพัดบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและต้นไม้หักโค่น เป็นเหตุให้หลังคาบ้านเรือนที่พักอาศัย โรงเรือนยุ้งฉางข้าว คอกสัตว์ ของประชาชนได้รับความเสียหายจำนวนมาก

จ่าเอกสมควร สิงห์คำ นอ.ภูสิงห์  กล่าวว่า จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นในพื้นที่อำเภอภูสิงห์ มีพื้นที่ความเสียหาย รวมทั้งหมด 3 ตำบล 22 หมู่บ้าน  บ้านเรือนและคอกสัตว์ได้รับความเสียหายทั้งหมด 93 หลัง แบ่งเป็นดังนี้ 1.ที่อยู่อาศัย จำนวน 79 หลัง(เสียหายทั้งหลัง 1 หลัง,เสียหายบางส่วน 78 หลัง) 2.โรงเรือน/คอกสัตว์ เสียหาย จำนวน 14 แห่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตแต่อย่างใด ซึ่งการให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ปกครอง อ.ภูสิงห์ร่วมกับ อบต.ห้วยตามอญ,อบต.ห้วยตึ๊กชู,อบต.ละลม, จนท.ทหาร ฉก.3 และกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้ร่วมกันตัดต้นไม้ที่หักโค่นล้มทับบ้านเรือนและถนนในหมู่บ้านและเร่งรัดสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนต่อไปโดยด่วน

ศรีสะเกษ สานพลังภาคี ชู 5มาตรการ ลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์

วันนี้ (10 เม.ย. 67) ที่บริเวณอาคารศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีเปิดการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 และปล่อยขบวนรถรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุฯ ระหว่างวันที่ 11 – 17  เมษายน 2567  (รวม 7 วัน) ในหัวข้อ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” โดยมีนายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่าย เข้าร่วมกิจกรรม

นายพีระพงศ์ หมื่นผ่อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่าศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กำหนดให้ทุกจังหวัดรณรงค์ลดอุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความตระหนักและปลูกจิตสำนึก ในด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ของทุกปี ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ ในช่วงสงกรานต์ 2566 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุ 6 ครั้ง บาดเจ็บ 5 ราย และเสียชีวิตถึง 2 ราย

นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 จังหวัดศรีสะเกษ  ได้กำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงาน 5 มาตรการหลัก คือ 1.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงผู้ใช้รถใช้ถนน  2.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนน/สภาพแวดล้อม 3.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ 4.มาตรการช่วยเหลือ/เยียวยาหลังเกิดเหตุ และ 5.มาตรการการบริหารจัดการ

โดยได้บูรณาการจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งผู้นำท้องที่ผู้นำชุมชน และอาสาสมัคร ปฏิบัติงานทั้ง 22 อำเภอ ประจำจุดตรวจหลัก  38 จุด ปีนี้พิเศษสุด จังหวัดศรีสะเกษ มีด่านชุมชนปากหวาน ครบทั้ง 216 แห่ง เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้การรณรงค์เชิงบวก โดยใช้การสื่อสารการพูดและการเตือนผู้ขับขี่รถผ่านไปมาด้วยความห่วงใย มากกว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว

ผู้ว่าฯเร่งช่วยเหลือครอบครัวแรงงานไทยเหยื่อระเบิดที่ไต้หวัน

คืบหน้าแรงงานไทยเหยื่อระเบิดที่ไต้หวัน ผูู้ว่าเร่งเข้าไปให้การช่วยเหลือ ขณะที่เมียเผยยังทำใจไม่ได้เนื่องจากโทรศัพท์คุยกันกับสามีทุกวันหลังเลิกงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายศักดา ยุรยาตร อายุ 37 ปี ชาวบ้านโพธิ์ลังกา ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ไต้หวัน เสียชีวิตเนื่องจากเกิดเหตุระเบิดที่โรงงาน เจวี๋ย เฟิง อะลูมิเนียม จำกัด (Juei Feng Aluminium) ในเขตหูเน่ย นครเกาสง ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน เมื่อช่วงเวลา 08.23 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันเสาร์ที่ 23 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 110/3 หมู่ 11 บ้านโพธิ์ลังกา ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนางอำมะรา ยุรยาตร อายุ 62 ปี แม่ของแรงงานชาวไทยที่เสียชีวิต

โดยบริเวณด้านหน้าบ้านได้มีการกางเต็นท์จัดเก้าอี้ เพื่อเตรียมจัดพิธีศพรวมทั้งต้อนรับแขกญาติพี่น้องที่จะเดินทางมาร่วมพิธีศพของนายศักดา บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศก โดยแม่และพี่สาวของนายศักดา ต่างพากันเศร้าเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายคนเดียวของบ้านไปอย่างกะทันหันแบบนี้ ซึ่งนางอำมะราได้ฝากถึงท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยเหลือด้วยหากไม่นำศพกลับคืนมาให้ก็ขอให้นำเอากระดูกกลับมาให้ทำบุญที่บ้านเกิดด้วย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 110/3 หมู่ 11 บ้านโพธิ์ลังกา ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนางอำมะรา ยุรยาตร อายุ 62 ปี แม่ของแรงงานชาวไทยที่เสียชีวิต ปรากฏว่าได้มีบรรดาญาติพี่น้องพากันมาเยี่ยมให้กำลังใจกับครอบครัวของนายศักดา ยุรยาตร ที่เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดย นพ.อธิบ ลีธีระประเสริฐ ผอ.โรงพยาบาลกันทรารมย์ ได้นำนักจิตวิทยามาให้การดูแลช่วยเหลือครอบครัวของนายศักดา เนื่องจากว่าญาติพี่น้องกำลังอยู่ในช่วงเศร้าโศกเสียใจอย่างหนัก

นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ นายชัยยงค์ เมธาสุรวิทย์ รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย น.ส.อรนุช จันทรชิต แรงงาน จ.ศรีสะเกษ ตัวแทนจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ สาธารณสุข อ.กันทรารมย์ คณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ นำเอาเงินสดจำนวนหนึ่ง สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับนางอำมะรา ยุรยาตร แม่ของนายศักดา และ น.ส.สุวคนธ์ เขียวอรุณ อายุ 32 ปี ภรรยาของนายศักดา เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น พร้อมทั้งได้ซักถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนางอำมะราและลูกหลานทุกคนต่างมีอาการเศร้าโศกเสียใจมาก โดยนายชัยยงค์ได้แจ้งนางอำมะราให้ทราบถึงแนวทางการช่วยเหลือของทางราชการว่าจะให้การช่วยเหลืออย่างไรบ้าง

นายชัยยงค์ เมธาสุรวิทย์ รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้มาเยี่ยมครอบครัวผู้ประสบเหตุที่ไต้หวันเนื่องจากโรงงานได้เกิดอุบัติเหตุระเบิดทำให้คนงานที่เป็นแรงงานไทยเสียชีวิต และมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านโพธิ์ลังกาแห่งนี้ ซึ่งญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต เมื่อทราบข่าวก็อาจจะทำให้เสียกำลังใจตนพร้อมด้วยส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ทุกส่วน เหล่ากาชาด จ.ศรีสะเกษ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านและ อสม.ก็ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจกับผู้ประสบเหตุ เพื่อให้มีกำลังใจในการที่จะต่อสู้ชีวิตต่อไป เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข

ส่วนการที่บรรดาญาติพี่น้องได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือว่า ขอให้ช่วยนำศพผู้เสียชีวิตหรือกระดูกของผู้เสียชีวิตกลับมาบำเพ็ญกุศลนั้น เรื่องนี้ก็จะต้องดูว่าความเหมาะสมในการเคลื่อนย้ายมานี้ว่าจะสะดวกหรือไม่เนื่องจากเท่าที่ทราบมาลักษณะการเสียชีวิตลักษณะนี้เที่ยวบินส่วนใหญ่จะไม่รับศพ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ทางบริษัทผู้ว่าจ้างที่ประเทศไต้หวันก็อาจจะทำการฌาปนกิจและให้ญาติที่สนิท 2-3 คน ไปดูร่างของผู้เสียชีวิตด้วยว่าใช่หรือไม่ เพื่อประกอบการฌาปนกิจและนำกระดูกกลับคืนมาสู่ภูมิลำเนาเดิมที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อทำบุญต่อไป

น.ส.สุวคนธ์ เขียวอรุณ อายุ 32 ปี ภรรยาของนายศักดา ที่เสียชีวิต กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า รู้สึกเสียใจมากเนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องกะทันหันมากทำให้ตั้งตัวไม่ได้ ไม่คิดว่าสามีจะจากตนกับลูก 2 คนไปเร็วขนาดนี้ เนื่องจากว่าเราได้โทรศัพท์คุยกันทุกวันเวลาเลิกงาน สามีจะโทรมาคุยกับตนและลูกทุกวัน ปีกว่าที่ทำงานอยู่ที่ไต้หวันไม่มีวันไหนที่สามีจะไม่เคยโทรมาหาลูกกับตนเลย คุยกับลูกทุกวันหากวันไหนลูกไม่อยู่จะถามหาลูกทุกวัน เวลาวันเกิดหรือวันสำคัญอะไรก็จะมีของรางวัลให้กับลูกเสมอทุกครั้ง

การที่ไปทำงานอยู่ที่ไต้หวันเพื่ออนาคตของลูกทั้ง 2 คน การเกิดเหตุครั้งนี้ไม่มีอะไรเป็นลางบอกเหตุเลย เพราะว่าตอนกลางคืนเรายังได้คุยกันอยู่เลย แล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้ายที่ตนจะได้คุยสายกับสามี วันที่ได้ทราบข่าวคือวันเสาร์ที่ 24 มี.ค. ทางญาติโทรมาจากไต้หวันว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ตอนแรกตนไม่เชื่อ คิดว่าสามีไม่เป็นไร อาจจะได้รับบาดเจ็บธรรมดาหรืออาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายผลตรวจออกมาก็ได้แจ้งว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งขณะที่ทราบข่าวตอนนั้นตนทำอะไรไม่ถูกเลย กำลังทำงานอยู่จนทำอะไรไม่ได้เลย พอลูกได้ยินข่าวว่าพ่อเสียชีวิตแล้วลูกก็ร้องไห้ มีแต่ร้องเรียกหาแม่ ให้แม่กลับมาหาอย่างเดียว

น.ส.สุวคนธ์กล่าวต่อไปว่า จากการที่ตนไปติดต่อกับทางบริษัทที่ส่งไปทำงานแล้ว เบื้องต้นทางบริษัทก็แจ้งเรื่องของเอกสารในการดำเนินเรื่องเอกสารต่างๆ ของลูกว่าจะต้องต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการดำเนินเรื่องส่งไปให้ทางกรมแรงงานและทางประเทศไต้หวัน ส่วนการติดต่อกับทางฝ่ายประเทศไต้หวันนั้นก็มีการติดต่อมาเป็นระยะโดยโทรติดต่อกันทาง LINE ซึ่งในเบื้องต้นตนพูดคุยกับทางบริษัทที่ส่งไปทำงานว่าจะเดินทางไปเผาศพและจะนำเอากระดูกกลับมา ซึ่งการคุยกันยังไม่มีข้อสรุปจะต้องนำเอาข้อตกลงตามที่พ่อแม่ญาติพี่น้องของทางฝ่ายสามีคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร

น.ส.สุวคนธ์พนมมือร่ำไห้กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังทำใจไม่ได้เพราะว่ามันเร็วเกินไป ความฝันที่เราคุยกันไว้เรายังไม่ได้ทำอะไรเลยเราอยากมีบ้านให้ลูก มีรถให้ลูก ให้ลูกได้เรียนหนังสือจนจบสูงๆ เรายังไปไม่ถึงไหนเลย สามีก็มาจากตนกับลูกไปแล้ว ตนขอฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรีหากเป็นไปได้โปรดช่วยนำศพของสามีตนกลับมาทำบุญที่เมืองไทยบ้านเกิดด้วย แต่ถ้าหากว่ามันไม่ได้หรือยังไงก็ขอให้นำแค่อัฐิกระดูกกลับมาให้ตนกับครอบครัวทำบุญให้นายศักดาสามีของตนที่บ้านเกิด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษด้วย

ปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เฝ้าระวังไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้าน

จังหวัดศรีสะเกษปิดแหล่งท่องเที่ยวผามออีแดง และ เนินนับดาวเป็นการชั่วคราว เนื่องจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีการเผาพื้นที่การเกษตรและเกิดควันไฟหนาแน่น

 

จากกรณีที่ประชาชนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการเผาพื้นที่การเกษตรจำนวนมากและได้เผามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้า จนเกิดเปลวไฟและควันไฟหนาแน่น ประกอบกับมีลมแรง ทำให้เกิดควัน มีกลิ่นไหม้ และ เศษเขม่าตลอดจนฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ลอยมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในโซนท่องเที่ยว บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ  โดยเฉพาะบริเวณผามออีแดง และเนินนับดาวได้รับผลกระทบ     

  

นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด  พร้อมให้กำลังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร และชุดเหยี่ยวไฟ อีกทั้งกองกำลังสุรนารี ที่ได้เฝ้าระวังการลุกลามของไฟที่อาจจะลุกลามขึ้นมายังฝั่งประเทศไทย จึงสั่งการให้องค์การบริหารส่วนตำบลเสาธงชัย ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในบริเวณใกล้เคียง ได้สนับสนุนรถฉีดน้ำดับเพลิงเพื่อป้องกันไฟไหม้ที่อาจจะลุกลามขึ้นมาได้  ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง

 

ขณะเดียวกัน นางจิตร อาจสัญจร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้สั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวผามออีแดง และ เนินนับดาวเป็นการชั่วคราว เป็นเวลา 3 วัน  ระหว่างวันที่ 1 – 3  มีนาคมนี้ และ จะติดตามสถานการณ์การเผาพื้นที่การเกษตรและปัญหาควันไฟจากฝั่งประเทศเพื่อน

หนุ่มเที่ยวหมอลำอ้างถูกทำร้าย ซิ่งกระบะชนจยย.ดับ 3

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รองผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์กรณ์ ศรีสุวรรณ ผกก.สภ.วังหิน  นายอานนท์ หนุนชู นายอำเภอวังหิน นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ควบคุมตัว นายเก็ท หรือ นายปรีชา เข้าทำแผนประกอบคำให้การของผู้ต้องหา

           

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 01.30 น. (วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567) พนักงานสอบสวน สภ.วังหิน ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายขับขี่รถยนต์ไล่ชนรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ถนนบ้านไทยบวกเตย-บ้านป่าใต้ ตำบลบุสูง อำเภอวังหิน  จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งผู้ก่อเหตุ คือ นายเก็ท หรือ นายปรีชา อายุ 23 ปี ซึ่งขับขี่รถยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บษ 9784 ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ถึง 3 ราย ประกอบด้วย นางบัวสอน วิลัย อายุ 53 ปี ที่อยู่ 47 ม.11 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ นางวาสนา จันมณี อายุ 48 ปี ที่อยู่ 54 ม.11 ต.บุสูง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ และ นางสาวศิริลักษณ์ ศรบุญทอง อายุ 51 ปี ที่อยู่ 35 ม.7 ต.โพนข่า อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ

พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รองผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มาดูหมอลำกับน้าชาย อยู่ที่หมู่บ้านข้างเคียงกัน แต่ในขณะที่กำลังจะเดินทางกลับ ปรากฏว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้ามาทำร้าย ซึ่งตัวผู้ต้องหา อ้างว่า พยายามขับรถยนต์เพื่อหลบหนีกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาทำร้าย แต่ปรากฏว่า ได้ขับรถยนต์ไปชนชาวบ้าวในพื้นที่ แต่หลังจากชนชาวบ้าน รายแรกแล้ว นายเก็ท ก็ยังไม่หยุดรถยนต์ และขับชนชาวบ้านต่อไป ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย โดย นางบัวสอน เสียชีวิตที่เกิดเหตุ ส่วนนางวาสนา และ นางสาวศิริลักษณ์ ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล หลังจากก่อเหตุเสร็จ นายเก็ทได้หลบหนีไปยังพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วย ฝ่ายปกครองช่วยกันไล่ล่า จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด

จากการดูการกระทำภาพรวมของผู้ต้องหา ทั้งในลักษณะของการขับรถด้วยความเร็ว เพราะหลังจากชนชาวบ้าน รายแรกแล้ว แทนที่จะหยุดรถ แต่กลับพยายามขับรถยนต์ไปชนชาวบ้านคนอื่นอีก แม้จะมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงพยายามห้ามปรามแต่ไม่เป็นผล พนักงานสอบสวน สภ.วังหิน จึงได้พิจารณาตั้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพยายามฆ่าผู้อื่น โดยเล็งเห็นผล ซึ่งเจตนา จะมี 2 แบบ คือ เล็งเห็นผล กับประสงค์ต่อผล  ซึ่งกรณีเคสนี้ เข้าข่ายไม่ประสงค์ต่อผล เนื่องจากไม่มีสาเหตุความรู้จักมูลเหตุกับผู้ตาย ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหา ยอมรับในข้อเท็จจริง แต่ปฏิเสธในข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนคน ซึ่งจากการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ 65 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนผลจากการตรวจสารเสพติด ปรากฏว่า ผู้ต้องหาไม่มีการใช้สารเสพติด ในร่างกายแต่อย่างใด หรือผลเป็นลบ นั่นเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายเก็ท ทำแผนประกอบคำให้การของผู้ต้องหา ปรากฏว่า ได้มีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต เข้ามารุมด่าทอสาปแช่ง และพยายามจะเข้ามาทำร้ายผู้ต้องหา ด้วยความคับแค้นใจ บางรายถึงขนาดร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจ ที่ต้องเสียคนในครอบครัวไป

 

ขณะที่ นายเก็ท หรือนายปรีชา ผู้ต้องหา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าสาเหตุที่ตนได้ขับรถยนต์ลักษณะนี้เนื่องจากพยายามหลบหนี จากวัยรุ่นที่เข้ามาชกตน ทำให้ต้องรีบขับรถยนต์ออกไป ซึ่งผู้ที่มาทำร้ายตน ก็ไม่เคยรู้จักหรือมีเรื่องกันมาก่อน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุในการที่ขับรถยนต์ไปชนชาวบ้าน หรืออยากขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายเก็ทกลับแน่นิ่ง และไม่ให้คำตอบในเรื่องนี้แต่อย่างใด

 

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 11 ตำบลบุสูง อำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของ นางบัวสอน วิไล อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขณะที่ญาติพี่น้องกำลังช่วยกันเตรียมจัดงานศพ ให้กับนางบัวสอน ซึ่งบรรยากาศภายในบ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

 

โดย นายวันชัย วิไล อายุ 52 ปี สามีของนางบัวสอน ผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและภรรยา ก่อนเกิดเหตุ ตนและภรรยาได้ไปดูการแสดงหมอลำกันที่ภายในหมู่บ้าน แต่เนื่องจากดึกแล้ว ตนจึงขอกลับก่อน ส่วนภรรยาของตนนั้น ดูหมอลำต่อ ซึ่งในส่วนของตนกับผู้ก่อเหตุนั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมต้องมาทำแบบนี้กับภรรยาของตน ทำให้ตนเสียใจเป็นอย่างมาก  ผู้ก่อเหตุมีจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิตเป็นอย่างมาก  คนแบบนี้ ไม่ควรอยู่ในแผ่นดิน ควรประหารทิ้ง ซึ่งตนอยากให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฏหมายกับผู้ก่อเหตุอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้

พังยับ! กระบะเสยท้ายปิกอัพ พุ่งทับเก๋งกลางเมืองศรีสะเกษ

รถยนต์ปิคอัพ 4 ประตู ซิ่งจะให้หลุดจากสัญญานไฟแดง เฉี่ยวท้ายปิกอัพ ก่อนเสียหลักพุ่งทับรถยนต์เก๋งสีดำ ตกไปชนปิกอัพที่จอดอยู่ข้างบ้าน ตกลงมาชนรถจักรยานยนต์ 2 คัน บาดเจ็บสาหัส 3 กลางเมืองศรีสะเกษ

 

วันนี้ (30 ม.ค. 67) ร.ต.อ. พิชญพงศ์ แก้วสิริกาญน์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองศรีสะเกษ รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันหลายคัน บริเวณสีแยกไฟแดงแคทรียา ถนนเทพา ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัยฯ รพ.ศรีสะเกษ

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ สีดำ ทะเบียน 3 กย 6193 กรุงเทพมหานคร สภาพพังเสียหาย หลังคายุบลงมา ภายในรถบริเวณที่นั่งฝั่งคนขับพบคุณป้า วัย 68 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า สีบอร์น ทะเบียน 1 ฒอ 5501 กรุงเทพมหานคร หน้ารถพังเสียหาย มี นายธงชัย ผาแก้ว อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพหานคร เป็นคนขับ

 

จากการสอบถาม นายธงชัย ผาแก้ว เล่าว่า ตนได้ขับรถออกมาจากศาลจังหวัดศรีสะ พอถึงที่เกิดเหตุ รถยนต์ตนได้ไปเฉี่ยวท้ายรถยนต์ที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นตนจะเหยียบเบรก แต่เกิดพลาดไปเหยียบเอาคันเร่ง ทำให้รถยนต์พุ่งออกขวา ไปพุ่งชนข้ามไปทับขึ้นหลังคารถเก๋งสีดำ ก่อนที่จะแฉลบไปชนรถยนต์ที่จอดอยู่บนฟุตบาท และตกลงมาชนเข้ารถจักรยานยนต์อีก 2 คัน ก่อนมาชนเสาไฟฟ้า

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ขับรถโดยประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุ จนมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้ทรัพย์ของผู้อื่น และทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหาย ไว้เบื้องต้น ซึ่งจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป