คลังเก็บหมวดหมู่: การเมือง

ศรีสะเกษลงทะเบียนบัตรคนจน “คึกคัก”คาดมีผู้ใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 4.7 แสนราย

ชาวศรีสะเกษสนใจลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่อย่างคึกคัก คาดว่ารอบนี้น่าจะมากกว่าเดิม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางต่างสนใจมารอยื่นลงทะเบียนแม้จะมีฝนตกก็ตาม

 

วันนี้ ( 5 ก.ย.65) บรรยากาศการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 วันแรกของจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งจัดให้มีการลงทะเบียนภายในหอประชุมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอเมืองศรีสะเกษ มี 4 หน่วยงานมาเปิดรับลงทะเบียน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัด ที่ว่าการอำเภอเมืองศรีสะเกษ และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ร่วมเปิดรับลงทะเบียนจำนวน 7 ช่องบริการ

 

การเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ปรากฏว่า ผู้ที่ไม่เคยมีบัตรมาก่อน หรือ ผู้เคยมีแต่ต้องลงทะเบียนใหม่ ต่างมารอเจ้าหน้าที่เพื่อขอลงทะเบียนตั้งแต่เช้า แม้จะมีฝนตกลงมาก็ตาม ต่างอยากได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนรอบใหม่ เพราะที่ผ่านมา โครงการดังกล่าว สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพได้อย่างมาก ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง ตลอดจนเครื่องครัวต่างๆ

 

นางเดิม สร้อยสน ชาวบ้านทุ่ม ตำบลทุ่ม อำเภอเมืองศรีสะเกษ บอกว่า ที่ผ่านมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างมาก ภูมิใจและดีใจที่รัฐบาลเป็นห่วงประชาชน แม้การช่วยเหลือเป็นจำนวนเงินอาจไม่มาก แต่ถือว่าช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้เลยเป็นอย่างมาก ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง ตลอดจนค่าน้ำค่าไฟ ขอขอบคุณรัฐบาลที่มีโครงการดีๆมาช่วยเหลือประชาชนคนตาดำๆ ให้สามารถอยู่รอดได้

 

ด้านนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำรองผู้ว่าราชการจังหวัดและคลังจังหวัด ติดตามการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการวันแรก พบว่า การลงทะเบียนเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะการเตรียมเอกสารของชาวบ้านไม่ครบถ้วน อีกทั้งการกรอกข้อมูลต่างๆ ไม่ชัดเจนด้วย ขณะที่การแสกนข้อมูลของแต่ตะคนก็ล่าช้าเช่นกัน

 

จึงได้กำชับให้เร่งชี้แจงและทำความเข้าใจแก่ประชาชน พร้อมประสานกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ทำความเข้าใจแก่ลูกบ้าน โดยเฉพาะการกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน ก่อนนำยื่นแก่เจ้าหน้าที่เพื่อป้อนเข้าระบบได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง ซึ่งคาดว่ารอบใหม่จะมีผู้ใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 470,000.-คน เนื่องจากข้อมูลผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนก่อนหน้านี้เกือบ 470,000.-คน../

มาฮอดศรีสะเกษแล้ว!! คาราวานรถ”โมบายพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน

รองนายกรัฐมนตรีเปิดโครงการรถ Mobile พาณิชย์ลดราคาถึง 40 เปอร์เซนต์! ช่วยประชาชนถึง30 วันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน

 

 วันนี้ (11ก.ค.64) ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ได้เป็นประธานปล่อยขบวนคาราวานรถ Mobile พาณิชย์  นำสินค้าราคาถูกไปตระเวนจำหน่ายให้แก่ประชาชนตามหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ โดยมีนายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการร่วมให้การต้อนรับ 

       

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คาราวานรถ Mobile พาณิชย์ ที่ปล่อย นำสินค้าราคาถูกไปตระเวนจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ มีทั้งหมด 15 คัน ระยะเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันนี้ – 12 สิงหาคม 2564  นำจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพให้กับประชาชนในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดร้อยละ  20 – 40  จำนวน 73 รายการ  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน ควบคู่การกระตุ้นเศรษฐกิจ 

 

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้พบปะภาคีเครือข่ายกลุ่มเกษตรกร เพื่อรับเรื่องร้องเรียนการแก้ปัญหาภัยแล้งและการประกันรายได้สินค้าเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสนับสนุนตลาดสินค้า GI ของจังหวัดศรีสะเกษ  จำนวน 4 รายการ คือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้  ทุเรียนภูเขาไฟ  หอมแดง กระเทียม และพริก ไปยังต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย

 

“ธรรมนัส” ลุยศรีสะเกษ แก้ผลกระทบเขือนหัวนา

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษติดตามความคืบหน้าการจ่ายเงินชดเชยเขื่อนหัวนาและเขื่อนราษีไศลเบื้องต้นคาดว่าน่าจะอนุมัติจ่ายได้ประมาณเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้        

วันนี้(15 ม.ค.64) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะทำงานการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนหัวนาและเขื่อนราษีไศล  โดยได้หารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งจังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานศรีสะเกษ  ร่วมรายงานสภาพปัญหาตลอดจนแนวทางการให้ความช่วยเหลือ 

ที่ผ่านมา  โดยเฉพาะเขื่อนหัวนา มีการดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2535 แล้วเสร็จประมาณปี 2542  ซึ่งกว่า 30 ปี  ที่ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษได้รับผลกระทบช่วงน้ำหลาก ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมนาข้าวจนได้รับความเสียหาย  ขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ขณะที่เขื่อนราษีไศลยังมีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับเงินเยียวยาเช่นกัน เนื่องจากสำนักงบประมาณแจ้งว่าเงินข้ามปีงบประมาณ ไม่สามารถจ่ายได้      

 

ร้อยเอกธรรมนัส  พรหมเผ่า  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังของรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้เร่งรัดให้แก้ไขปัญหาของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนหัวนา จนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว  แนวทางการจ่ายเงินแบ่งเป็น 3 ชุด  คาดว่าเดือนพฤษภาคม 2564 จะสามารถจ่ายเงิน เยียวยาให้เกษตรกรชุดแรก จำนวน 104 แปลง เป็นเงินกว่า  62 ล้านบาท และ เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนราศีไศลอีกด้วยประมาณ 70 ล้านบาท 

 

โดยคาดว่า จะสามารถนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนมีนาคมนี้  เพื่อกำหนดแนวทางการจ่ายเงินเยียวยาตามที่ได้พิสูจน์สิทธิ์อย่างชัดเจนแล้ว  ส่วนชุดที่  2  อีก  352 แปลง  จะประชุมเพื่อสรุปแนวทางการจ่ายเงินในช่วงถัดไป  และ ชุดสุดท้ายเป็นชุดที่มีการร้องคัดค้าน ซึ่งคณะทำงานต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงสิทธิ์การครอบครองที่ดินอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

รมว.คลัง ติดตามเราชนะ ใครตกหล่นให้แจ้งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน

รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง ติดตามการให้บริการครบวงจรเบ็ดเสร็จโครงการเราชนะที่จังหวัดศรีสะเกษ มีประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเดินทางสมัครร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก 

 

วันนี้ (28 ก.พ.64) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ติดตามการให้บริการครบวงจรเบ็ดเสร็จ หรือ จุดบริการ One Stop Service โครงการเราชนะ  มีนายวัฒนา พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถาบันการเงินของรัฐร่วมให้การต้อนรับ 

 

ธนาคารกรุงไทยสาขาอำเภอขุขันธ์  ได้เปิดให้บริการภายในหอประชุมที่ว่าการอำเภอขุขันธ์ มีประชาชนสนใจเดินทางมาสมัครร่วมโครงการเราชนะจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือ ผู้สูงอายุ  ลูกหลานได้พามาสมัครร่วมโครงการตั้งแต่ช่วงเช้า    

 

ปัญหาที่พบในกลุ่มผู้สูงอายุที่ยื่นสมัครแล้ว  เมื่อจะสแกนใบหน้ายืนยันเป็นเจ้าสิทธิ์ บางคนรูปในบัตรประชาชนกับตัวจริงไม่เหมือนกัน การสแกนใบหน้าจึงเกิดความล่าช้าและต้องใช้เวลานาน กว่าจะสแกนผ่านและได้รับการยืนยันสิทธิ์  หรือ บางคนมีหนวดก็ทำให้การสแกนล่าช้าเช่นกัน อีกทั้งเครื่องสแกนที่ใช้อาจไม่เสถียรจากอินเตอร์เน็ตจึงทำให้เกิดความล่าช้า

 

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง ได้เดินทางติดตามสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นกลุ่มพิเศษที่รัฐบาลมุ่งให้ความช่วยเหลือร่วมโครงการเราชนะเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องมืออุปกรณ์ไปดำเนินการถึงบ้านหรือที่พัก เพื่อให้สามารถมีสิทธิ์ตามโครงการเราชนะเช่นกัน   

   

สำหรับข้อมูลเบื้องต้น ประชากรจังหวัดศรีสะเกษ มีประมาณ 1.41 ล้านคน ยอดสมัครร่วมโครงการเราชนะประมาณ 9 แสนคน ได้รับการตรวจสอบยืนยันสิทธิ์แล้ว  8 แสนคน ขณะที่กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนได้รับสิทธิ์แล้ว 3 หมื่นคน  ซึ่งระยะเวลาที่เหลือคาดว่าจะเดินทางมาสมัครเรื่อยๆ เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะกลุ่ม 3 และ กลุ่ม 4 เป็นกลุ่มผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือ แจ้งสละสิทธิ์      

 

ปัญหาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับผู้ตกหล่นหรือไม่สามารถเดินทางมาสมัครร่วมโครงการเราชนะได้ ขอให้แจ้งต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง หรือ คลังจังหวัด เพื่อจะได้นำไปพิจารณาหาทางเยียวยาช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด เพราะรัฐบาลประกาศชัดเจนเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นั่นเอง

“ฉัฐมงคล” ไร้คู่ต่อกรนั่งเก้าอี้นายกเทศบาลเมืองศรี

ศึกเลือกตั้งนายกเทศบาลเมืองศรีสะเกษและสมาชิกสภาเทศบาลมีแต่คนหน้าเก่าแห่สมัครไร้คู่ต่อสู้มาต่อกรอีกแล้ว                                                                                                                            

วันนี้(8 ก.พ.64)  ที่ห้องประชุมสภาสำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ อำเภอเมือง ศรีสะเกษ กลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และ นายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ต่างมารอยื่นเอกสารหลักฐานการสมัครรับเลือกตั้ง ก่อนเวลาเปิดรับสมัคร                                                   

 

โดยผู้สมัครสมาชิกสภาฯ มาในนามกลุ่มมิตรประชา รวม 18 คน จาก 3 เขตเลือกตั้ง  ได้เตรียมเอกสารยื่นสมัครกับคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วย พร้อมผู้สมัครอิสระ 3 คนสนใจมายื่นสมัครแข่งในครั้งนี้  ขณะเดียวกัน นายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ  อดีตนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษผู้ครองพื้นที่มาเกือบ 40ปี  นำทีมยื่นเอกสารการรับสมัคร พร้อมกำลังใจของประชาชนจากชุมชนต่างๆ เป็นจำนวนมาก  

 

โดยมีนางสาวศรีเสงี่ยม  ณูรักษา ปลัดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ผอ.การเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองศรีสะเกษ และ พันตำรวจเอก เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ เป็นประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองศรีสะเกษ นำเจ้าหน้าที่มารับเอกสารรับสมัครเลือกตั้ง    

          

 สำหรับพื้นที่เทศบาลเมืองศรีสะเกษ  ถือว่านายฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ  เป็นอดีตนายกเทศมนตรีที่ครองตำแหน่งมายาวนานจนเรียกว่าไร้คู่ต่อกรมาตลอดจน ภาษาชาวบ้านจะใช้คำว่านอนมา เพราะฐานคะแนนเสียงแน่นมาก โดยมีนายสิริพงษ์  อังคสกุลเกียรติ  สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 1 และ นายรัฐวิทย์  อังคสกุลเกียรติ สมาชิกสภาจังหวัดศรีสะเกษ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้ง 2 คน เพิ่งได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้งไปเมื่อเร็วๆ นี้

 

จึงไม่แปลกใจและมั่นใจได้เลยว่า ตระกูลนี้จะสามารถครองตำแหน่งทั้งการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติอย่างไร้คู่แข่งแน่นอน ..แต่นั่นแหละ ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ

 

ภายหลังยื่นรับสมัคร นายฉัฐมงคล ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองศรีสะเกษ ย้ำว่า ที่ผ่านมากลุ่มมิตรประชาได้สร้างผลงานให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองศรีสะเกษยอมรับอย่างมากมาย อีกทั้งยังเน้นสร้างความสุข ความอยู่ดีกินดี  มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี แต่ยังมีงานค้างเก่าที่ต้องเดินหน้าพัฒนาต่อให้เทศบาลเมืองศรีสะเกษ พัฒนายิ่งดีขึ้นไปอีก จึงขออาสาเข้ามาทำงานต่อก่องานใหม่ให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง…..

 

สนามศรีรัตนะเดือด!! ศึกชิงเก้าอี้ ส.อบจ. ศรีสะเกษ เพื่อไทยสู้กันเอง

สนามเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ศรีสะเกษ ถือว่าไม่รุนแรงนัก แต่สนามเล็กอย่าง ส.อบจ.ถือว่าสู้กันดุเดือดมาก โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย สู้กันเอง

วันนี้ (16 ธ.ค. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สนามเลือกตั้ง ส.อบจ.ศรีสะเกษ เขต อ.ศรีรัตนะ ซึ่งถือว่าเป็นโค้งสุดท้าย ของการหาเสียง ผู้สมัครที่ถือว่าเป็นที่น่าจับตามองคือ นางนริตา ไตรสรณกุล ผู้สมัครหมายเลข 3 และ นางพรใจ โหตระไวศยะ ผู้สมัครหมายเลข 4 ทั้งคู่เป็น ภรรยาของ สส.จากพรรคเพื่อไทย จ.ศรีสะเกษ แต่อยู่คนละเขตกัน

โดยนางนริตา เปิดเผยว่า ตัวเองเคยเป็น สจ.มาแล้ว 2 สมัย แต่ได้ว่างเว้นไป และหันไปทำงานด้านสังคม ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรี จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตนได้เล็งเห็นปัญหา และข้อเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อ.ศรีรัตนะ จึงตัดสินใจ ลงสู่สนามการเมืองอีกครั้ง ถึงแม้ ต้องสู้กับฐานเสียง ซึ่งเป็นคะแนนของ พรรคเพื่อไทย ด้วยกันเอง มั่นใจจะสามารถกลับสู่ สนามเมืองได้อีกครั้ง

สำหรับพื้นที่ เขต อ.ศรีรัตนะ เป็นอีกพื้นที่ 1 ใน 2 เขต จากทั้งหมด 36 เขตเลือกตั้ง ส.อบจ.ที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ซึ่งหัวคะแนนแต่ละ ผู้สมัคร ต่างเป็นฐานเสียงให้กับ สส.ซึ่งเป็นคะแนนเสียงให้กับนักการเมืองระดับชาติ อยู่แล้ว ทำให้ 2 พื้นที่คือ อ.ศรีรัตนะ และ อ.อุทุมพรพิสัย เป็นสนามการเลือกตั้ง ส.อบจ. ที่ดุดเดือดที่สุด

ศึกชิงเก้าอี้นายก อบจ.ศรีสะเกษ เขต 2 อุทุมพร สู้กันเดือด

ศึกชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ โค้งสุดท้าย ผู้สมัคร ส.อบจ.เปิดปราศรัยหาเสียงช่วงสุดท้าย

วันนี้ (14 ธ.ค. 63)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ ต.หนองห้าง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เป็นการเปิดปราศรัยหาเสียง ของผู้สมัครชิงเก้าอี้ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถือว่าดุเดือดอีกพื้นที่หนึ่ง จาก ทั้งหมด 36 เขตเลือกตั้ง โดยนายปริโชติ จารุรัชกุล ผู้สมัครหมายเลข 3  นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่ากลัว เพราะมีแรงสนับสนุนจาก นายธนกฤช จิริวิภากร หรือ สจ.ตี๋น้อย ครองตำแหน่งมายาวนานกว่า 8 ปี และผู้ใหญ่ใจดีอีกหลายคน คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง

โดยจากการลงพื้นที่พบปะ ลุยหาเสียงตลอดทุกวันหลังจาก กกต.ศรีสะเกษ ประกาศรายชื่อคุณสมบัติผู้สมัคร แล้วพบว่า มีเสียงตอบรับจากชาวบ้านเป็นอย่างดี เชื่อว่าจะได้รับโอกาส เข้าไปเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เขต 2 อ.อุทุมพรพิสัย อย่างแน่นอน ส่วนแนวนโยบาย คือ จะสานต่องานของ ส.อบจ.รุ่นพี่ และเพิ่มแนวความคิดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อปรับปรุงงานด้านสาธารณูปโภค ให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

สำหรับพื้นที่ เขต 2 อ.อุทุมพรพิสัย ถือว่าเป็น 1 ใน 2 เขต ที่มีการสู้กันอย่างดุเดือด อีกเขต 1 เพราะเป็นการ สู้กับฐานเสียง ของ สส.พรรคภูมิใจไทย และ ฐานเสียง ของ อดีต ส.อบจ.ศรีสะเกษ เดิม ที่สละตำแหน่งให้หลานได้มีโอกาสเข้ามาทำงานการเมืองท้องถิ่นบ้าง  ถือว่าเป็นอีกเขตพื้นที่หนึ่ง ที่น่าจับตามอง ระหว่างการต่อสู้กัน 2 ขั้วการเมืองท้องถิ่น ภายหลังจากมีการเปิดโต๊ะเจรจาแล้ว แต่ไม่เป็นผล

จึงได้มีการลงสู้กันอย่างดุเดือดให้ประชาชนในพื้นที่ได้เลือกสรร ตัวแทนของตัวเองเข้าไปบริหารงานในสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ต่อไป

ศรีสะเกษ ร่วมแสดงจุดยืนปกป้องสถาบัน

องค์กรพลังฝ่ายท้องที่ท้องถิ่นและนักเรียนร่วมแสดงจุดยืนร่วมปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีผ่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ    

วันนี้ (3 พ.ย.63) ที่บริเวณเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ  พลังมวลชนร่วม 2,000.-คน  ประกอบด้วย กลุ่มชมรมเรารักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ  ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจังหวัดศรีสะเกษ  สันนิบาตเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ชมรม อบต.จังหวัดศรีสะเกษ ชมรม อสม.จังหวัดศรีสะเกษ และ นักเรียนจากโรงเรียนราชประนุเคราะห์ 29 จังหวัดศรีสะเกษ

ได้พร้อมใจสวมเสื้อเหลืองออกมาแสดงจุดยืนร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยถือป้ายร่วมปกป้องสถาบัน พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี  เพื่อพลังแสดงของชาวจังหวัดศรีสะเกษในการร่วมปกป้องสถาบัน       

นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานชมรมเรารักในหลวงจังหวัดศรีสะเกษ เป็นแกนนำและนำกล่าวคำแถลงการณ์ในการแสดงจุดยืนของกลุ่มมวลชน โดยทุกคนจะพร้อมใจปกป้องและเทิดทูนสถาบันชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้คงอยู่กับประเทศไทย  ใครจะมาก้าวล่วงหรือหมิ่นสถาบันอันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ  เป็นสิ่งที่คนไทยยอมรับไม่ได้

ที่สำคัญ คนไทยต้องไม่นิ่งต่อการกระทำดังกล่าว ในฐานะผู้แทนคนจังหวัดศรีสะเกษ จะไม่ยอมนิ่งเฉยและต้องให้รัฐบาลดำเนินคดีแก่ผู้ที่ก้าวล่วงหรือหมิ่นสถาบันทุกคน พร้อมยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสำรวย เกษกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ก่อนแยกย้ายกลับ

ศรีสะเกษ พลังผู้นำชุมชนพร้อมใจปกป้องสถาบัน

วันนี้(22 ต.ค.63)  ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ พลังผู้นำชุมชนและประชาชนในเขตอำเภอเมืองศรีสะเกษ ประมาณ 150 คน  ได้รวมตัวสวมเสื้อเหลืองแสดงพลังและประกาศจุดยืนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้ร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยได้ถือป้ายปกป้องสถาบันพร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี เดินออกจากบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ไปประกาศจุดยืนที่หน้าศาลหลักเมืองศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวศรีสะเกษ และต่างถิ่นต่างศรัทธามากราบไหว้บูชาสักการะ       

ก่อนประกาศจุดยืน  พลังมวลชนได้ร่วมร้องเพลงชาติไทย และ เพลงสรรเสริญพระบารมี  จากนั้นนางมัลลิกา คูรานี  แกนนำพลังมวลชน  ได้นำกล่าวแสดงจุดยืนของพลังมวลชนในครั้งนี้ว่า  ทุกคนจะร่วมปกป้องและเทิดทูนสถาบันชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้คงอยู่กับประเทศไทยต่อไป      

นางมัลลิกา คูรานี แกนนำพลังมวลชน กล่าวว่า ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติในวิถีประชาธิปไตย การชุมนุมเรียกร้องต่างๆ ของนักศึกษาและประชาชนสามารถกระทำได้ แต่การก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเห็นว่าคนไทยจำนวนมาก ต่างก็ไม่เห็นด้วย จึงขอฝากให้ผู้ปกครองได้สร้างความเข้าใจแก่เยาวชนได้รับรู้พระมหากษัตริย์กับการปกป้องประเทศชาติจวบจนถึงปัจจุบันด้วย