ไทย-กัมพูชา เปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ กระตุ้นการค้า-ท่องเที่ยว


วันนี้ (9 พ.ค.) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเมืองใหม่ช่องสะงำ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำคณะทำงานด้านความมั่นคง ด้านสาธารณสุข  ด้านคมนาขนส่ง  ด้านเศรษฐกิจการค้าและท่องเที่ยว  ร่วมหารือแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ในการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ  ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ กับนายแปน โก๊ะซอล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย  ราชอาณาจักรกัมพูชา 

 

โดยทั้ง 2 ฝ่าย คงยึดกฎเกณฑ์ MOU เดิมในการเปิดด่าน กำหนดเวลา 07.00 -20.00 น. พร้อมกำหนดเงื่อนไขชาวกัมพูชาที่จะเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย คงใช้ passportและ border pass ภายใต้หลักปฏิบัติต้องฉีดวัคซีนครบโดสเป็นหลัก  โดยผู้ที่ถือ passport ต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส พร้อมผลตรวจ ATK รับรอง และ ต้องลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ล่วงหน้าระยะเวลา  48 – 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าราชอาณาจักร  เพื่อให้ส่วนกลางได้พิจารณาอนุญาต อีกทั้งต้องทำประกันในวงเงิน 10,000.- ดอลลาร์ โดยคิดเป็นเงินไทยในการทำประกันดังกล่าว เป็นเงิน 500 บาท ในขณะที่ border pass  ต้องฉีดวัคซีนครบโดส แต่ไม่ต้องแจ้งเป็นเอกสาร  เพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าออกในพื้นที่ตาม  MOU          

 

ภายหลังการหารือร่วมกันประมาณ  1 ชั่วโมงกว่าๆ  ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงตามเงื่อนไข  โดยยึดหลัก ศบค. ของไทยเป็นหลัก จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย  ได้พร้อมใจนำคณะทำงานร่วมเปิดประตูจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำอย่างเป็นทางการในเวลา 11.29 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 

 

จากนั้นผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัด 2 ประเทศ ได้เข้ามาจับมือกันอย่างหนักแน่น เพื่อยืนยันว่าจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว และ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างยืนยันที่จะปฎิบัติตามข้อตกลงระหว่าง  แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในภายหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนข้อตกลงหรือเงื่อนไขต่างๆได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยยึดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ  การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ตลอดจนด้านสาธารณสุขร่วมกัน