วัยรุ่นดูหมอลำงานผูกข้อมือสู่ขวัญทหารเกณฑ์ก่อนเข้ากรมกอง เกิดทะเลาะวิวาทกัน มีกลุ่มวัยรุ่นจากจังหวัดใกล้เคียงถูกดักยิงขณะขี่จักรยานยนต์กลับบ้านอาการสาหัส
เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2564 เวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยตำรวจเอก นิรันดร์ ทานะ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บ้านบกขี้ยาง ตำบลหนองหัวช้าง อำเภอกันทรารมย์ ไปบ้านดงผึ้ง ตำบลโนนกาเล็น อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับและรีบไปตรวจที่เกิดเหตุ ร่วมกับ พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ และชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นถนนระหว่างทางจากบ้านบกขี้ยางอำเภอกันทรารมย์ไปบ้านดงผึ้ง ตำบลโนนกาเล็น อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทะเบียน ขทต 168 อุบลราชธานี ล้มอยู่ และมีรอยเลือดกองใหญ่ ส่วนผู้บาดเจ็บหน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว
หลังจากตรวจที่เกิดเหตุแล้วจึงตามไปตรวจสอบผู้บาดเจ็บที่โรงบาลกันทรารมย์ ทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ นายบรรพชน เชียงดา อายุ 18 ปี บ้านโพนเมือง ต. หนองกาเรน อ.สำโรง จ.อบลราชธานี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด เข้าที่ศรีษะด้านหลังอาการสาหัส แพทย์ให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่จะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี
พันตำรวจเอก นิลกาฬ พรศักดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกันทรารมย์ กล่าวว่า มีชาวบ้านในหมู่บ้านบกขี้ยาง ตำบลหนองหัวช้าง ได้จัดงานผู้ข้อมือสู่ขวัญคนที่เกณฑ์ทหารติดจะได้เข้ากรมกองในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ โดยได้นำคณะหมอลำมาแสดงสร้างความรื่นเริงในงานตั้งแต่เก้าโมงเช้า จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ คณะหมอลำได้เลิกการแสดงแล้ว ประชาชนและวัยรุ่นที่มาชมหมอลำได้ทยอยกันกลับบ้าน โดยนายบรรพชน ผู้บาดเจ็บได้ขี่จักรยานยนต์ตามหลังเพื่อนซึ่งขับขี่ซ้อนท้ายกันนำหน้าไป นายบรรพชน ขี่ตามหลังมาคนเดียวไม่มีคนซ้อนท้าย ถึงที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ด้านทิศใต้บ้านบกขี้ยางห่างจากบ้านงานประมาณ 200 เมตร ถูกมือปืนที่ซุ่มอยู่ข้างทางใช้ปืนยังไม่ทราบชนิดยิงใส่ด้านหลังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในเบื้องต้น ตนได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ออกติดตามดูภาพจากกล้องที่คนในงานได้ถ่ายไว้ และไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะทราบตัวและติดตามจับกุมตัวมาได้ในเร็วๆ นี้” พันตำรวจเอก นิลกาฬ กล่าว.