จมน้ำตายวันเดียว 2 ศพที่ห้วยสำราญ ศรีสะเกษ


 

ชายวัยกลางคนพร้อมเพื่อน ลงน้ำหาปลาว่ายข้ามลำห้วยหมดแรงจมน้ำเสียชีวิตเป็นศพที่ 2 ของการจมน้ำลำห้วยสำราญวันนี้  

วันนี้ (11 .. 64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจโท สังวร สอนหอม สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองจังหวัดศรีสะเกษ พร้อม นายแพทย์ สุมาส รื่นหรรษา แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศรีสะเกษ กู้ภัยและหน่วยกู้ภัยออกตรวจที่เกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งว่ามีคนจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในลำห้วยสำราญ ที่ท่าน้ำด้านหลังวัดป่าศรีสำราญตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ทราบชื่อคือ นายสวัสดิ์ ภูมิสถาน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 5 ตำบลหนองครก อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ สภาพศพไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง

นายสมชาย พร้อมญาติ อายุ 29 ปี เพื่อนที่มาหาปลาด้วยกันกับนายสวัสดิ์ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนพร้อมพี่ๆทั้งหมด 5 คนรวมทั้งผู้ตาย พากันมาหาปลาที่บริเวณด้านหลังวัดป่าศรีสำราญ จนใกล้จะกลับกันแล้ว นายสวัสดิ์ผู้ตายได้ว่ายน้ำข้ามไปฝั่งตรงข้ามกับวัด ซึ่งมีถังใส่ปลาวางอยู่ทางด้านโน้น แล้วว่ายกลับมาจะมาหาพวกตนที่หาปลากันอยู่บริเวณสะพานท่าน้ำ จนใกล้จะมาถึงฝั่งห่างประมาณ 5-6 เมตร

ตนสังเกตเห็นนายสวัสดิ์จมน้ำและทะลึ่งพรวดขึ้นมา ตนคิดว่าไม่ได้การ นายสวัสดิ์จะจมน้ำจึงวิ่งไปหา คว้าไม้ยาวประมาณ 5 เมตร ยื่นไปให้นายสวัสดิ์จับเพื่อจะดึงขึ้นฝั่ง แต่นายสวัสดิ์จมหายไปต่อหน้าต่อตา ตนจึงว่ายไปตรงจุดที่จม ปักไม้ลงพื้นทรายแล้วดำน้ำลงไปควานหาแต่ไม่พบนายสวัสดิ์แล้ว จึงได้ขึ้นฝั่งวิ่งไปที่วัดขอให้ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดช่วยโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัยมาช่วย 

ก่อนหน้านั้น นักประดาน้ำมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ จังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นักประดาน้ำมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์จุดอำเภออุทุมพรพิสัย นักประดาน้ำมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน นักประดาน้ำกู้ชีพหลักเมืองกันทรารมย์ ได้รับแจ้งว่ามีคนหาปลาจมน้ำหายไปบริเวณท่าน้ำด้านหลังวัดป่าศรีสำราญ จึงได้ร่วมกันลงค้นหาใต้น้ำ เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงจึงพบผู้เสียชีวิตจมอยู่บริเวณที่ได้รับแจ้ง

ตำรวจคาดว่า ผู้เสียชีวิตอาจจะว่ายน้ำไปฝั่งตรงข้ามแล้วว่ายกลับมาเกิดเหนื่อยหมดแรง จึงจมน้ำเสียชีวิต ซึ่งเมื่อสายของวันนี้ตำรวจก็ได้รับแจ้งมีคนหาหอยจมน้ำเสียชีวิตในลำห้วยเดียวกันนี้ ห่างจากจุดนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร หลังจากตรวจที่เกิดเหตุและสภาพศพแล้ว ไม่มีญาติคนใดติดใจในการเสียชีวิต จึงได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไปแล้ว.